ตอนที่ 4 "เป็นคนดี จะรวยได้ไหม?"จากบทความชุด “ชีวิตที่ดี กับ งานที่สำเร็จ”โดย คม สุวรรณพิมล- Upper Knowledge Executive Coach- ที่ปรึกษาด้านการบริหารและผู้ฝึกอบรมด้านการพัฒนาตนเองให้แก่องค์กรต่างๆเป็นจำนวนมาก - เป็นผู้ริเริ่มและร่วมพัฒนาหลักสูตร Coach! For Goal ซึ่งเป็นหลักสูตรในด้านการพัฒนาตนเองที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และในปัจจุบันคุณคมยังเป็น Master Trainer of Coach for Goal “เป็นคนดี แล้วจะรวยได้ไหม หรือว่า เป็นคนเลวเท่านั้น ถึงจะรวยได้?” ฟังดูแปลกๆ นะครับ สำหรับ คำถามนี้ มันน่าจะเป็นคำถามพื้นๆ ที่ไม่ต้องถามก็น่าจะหาคำตอบได้ไม่ยาก แต่ที่สำคัญมันไม่น่าจะถามมากกว่า สำหรับผม คิดว่าว่ามันเป็นคำถามจาก “ความรู้สึก” มากกว่า! ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ความรู้สึกลังเลกับทางเดินชีวิต เรารู้สึกว่าทำตัวดี เป็นที่รักของทุกคน มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อคนอื่น ไม่คดโกง หรือคิดไม่ซื่อกับใคร แต่ทำไมเราต้องมานั่งทนทรมาน กับการที่มีเงินไม่พอใช้จ่ายในแต่ละเดือน จะกินจะใช้อะไรก็ต้องประหยัด จำกัดจำเกลี่ย อยากได้อะไรก็ไม่เคยได้ แต่เมื่อหันมามองบางคน ทั้งๆที่รู้ว่า เขาไม่ซื่อกับการทำงานเท่าไร ทำอะไรก็มีนอกมีใน มีเล่นพรรคเล่นพวก แต่เห็นการใช้ชีวิตของเขาแล้วช่างน่าอิจฉาเสียจริง เงินทองไม่เคยขาดมือ อยากซื้ออยากได้อะไรก็ได้ ดูชีวิตมีความสุขดี “แล้วเราจะมัวมาเป็นคนดีทำไม?” ตามน้ำไปก็สิ้นเรื่อง ใช้ชีวิตแบบปิดตาข้างหนึ่ง ปิดหู บิดปากซะหน่อย ชีวิตก็สบายแล้ว หมดสมัยแล้วที่คนดีจะสบาย วัตถุเท่านั้น คือสิ่งวัดความสบาย ก่อนจะมาถกถึงคำถามนี้ คงต้องย้อนกลับมาดูก่อนว่า “ความรวย” กับ “ความดี” มันมีความสัมพันธ์กันหรือไม่? มันเกี่ยวกันหรือเปล่า? มากน้อนแค่ไหน? ถ้ามันเกี่ยวกันมันจะมีสมการเป็นอย่างไร? ลองคิดกันดูเล่นๆ 1. ความรวย ทำให้เป็นคนดี2. ความรวย ทำให้เป็นคนไม่ดี3. ความจน ทำให้เป็น คนดี 4. ความจน ทำให้เป็นคนไม่ดีหรือ อีกแนวคิดหนึ่ง 1. เป็นคนดี แล้วจึงรวย2. เป็นคนไม่ดี แล้วจึงรวย3. เป็นคนดี แล้วจึงจน4. เป็นคนไม่ดี แล้วจึงจน เรามาวิเคราะห์กันที่ละแนวคิด ผมวิเคราะห์แนวคิดแรกรวมกันเลย “ความรวยทำให้เป็นคนดี” กับ “ความรวยทำให้เป็นคนไม่ดี” อันนี้โดยส่วนตัวไม่น่าจะจริง เพราะความรวยเป็นลักษณะภายนอก และความดีเป็นนิสัยภายใน และลักษณะภายนอกไม่น่าจะเปลี่ยนนิสัยพื้นฐานไปได้ คนรวยที่นิสัยดีก็มีถมไป แต่ที่เราเห็นคนรวยที่นิสัยไม่ดี ก็น่าจะมาจากพื้นฐานส่วนตัว ซึ่งแก้ไม่หายแน่นอน แต่สิ่งสำคัญที่เราเองก็มักหลงลืมไป คือ“เรามักคิดว่า คนรวย คือ คนดี” นั่นแหละปัญหาที่แท้จริง ซึ่งแก้ได้ แต่ยาก เพราะลงไปแก้ถึงรากจากระบบวัตถุนิยมเลย ส่วนอีกแนวคิดหนึ่ง คือ “เป็นคนดี แล้วจึงรวย” อันนี้น่าคิด แต่เราต้องมาแยกก่อนว่า คนดีคืออะไร เช่น มองโลกในแง่ดี ขยัน อดทน ไม่คดโกง มีใจเอื้อเฟื้อ ข้อนี้เราน่าจะเห็นตัวอย่างมากมาย นั่งแสดงว่า คนดี ก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวให้ร่ำรวยขึ้นมาได้ ส่วนข้อถัดมา “เป็นคนไม่ดี แล้วจึงรวย” อันนี้เราก็เห็นบ่อยเช่นเดียวกัน ทั้ง ทุจริต คอรัปชั่น คอโกง หลอกลวง เราเห็นกันจนชินตา แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่เห็นคือ ภายใต้ภาพภายนอกที่ดูสวยหรู แต่ในใจ เขาเป็นอย่างไร หวาดระแวงตลอดเวลาหรือเปล่า เกรงกลัว กลัวตาย กลัวเอาคืน กลัวถูกจับได้ และอีกสารพัดความกลัว ไม่มีใครรู้ในใจของเขาเหล่านั้นหรอก นอกจากตัวเขาเอง คุณอยากเป็นอย่างนี้หรือ และที่สำคัญคงเคยได้ยินคำๆหนึ่งที่ว่า “หนังชีวิต ต้องดูกันยาวๆ” เรายังไม่เห็นจุดจบของบางคนก็รีบด่วนสรุปแล้วว่าทำเลวก็ดีได้ เหมือนอยากตอนที่เราดูละคร เราก็จะเห็นคนเลว ที่กลั่นแกล้งพระเอกนางเอก อยู่ข้างเดียวตลอดทุกตอน แต่สุดท้ายตอนจบเพียงตอนเดียวเท่านั้น ประมาณ 10 นาทีสุดท้าย เราก็เพิ่งจะได้เห็นผลกรรมของคนเลว แต่เวลาดูไปนานๆ ก็หลงคิดว่าทำเลว ก็ได้ดีด้วย เพราะมันมีช่วงที่คนเลว ได้ดีนานมากๆ นานจนลืม! ส่วนอีกสองข้อ คือ “เป็นคนดีแล้วจึงจน” ข้อนี้ เห็นได้ชัดว่า คนดี นอกจากจะรวยได้แล้ว ก็ยังจนได้อีก ส่วนข้อสุดท้าย “เป็นคนไม่ดี แล้วจึงจน” อันนี้ก็เห็นกันโดยทั่วไป อีกเช่นกัน และอาจจะเห็นมากกว่าด้วย ดังนั้น คนจน จึงเป็นได้ทั้ง คนดีและคนไม่ดี แต่อย่าหลงประเด็นนะว่า “คนจน คือ คนไม่ดี” สรุปจากที่กล่าวมาเยินยาว ก็คือ “ความดี” กับ “ความรวย” มันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกันเลย ไม่ได้มีเครื่องวัดใดๆ ว่าดีแค่ไหน หรือ เลวแค่ไหนจะทำให้คุณรวยหรือจน แต่ “ความดี” เป็นเพียงแค่เครื่องมือหนึ่งในการส่งเสริมตัวคุณเท่านั้น แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะทำให้คุณรวย นอกจากความดีแล้ว “ความคิดและการกระทำ” ของคุณก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณรวยหรือจน ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันและอาจจะมากกว่าด้วยอย่าหลงประเด็น!