หน้าแรก
Home
เกี่ยวกับเรา
About Us
บทความ
Articles
หนังสือแนะนำ
Books
หลักสูตร
Inhouse Courses
สมาชิก
Member
ติดต่อเรา
Contact Us
Upper
Assessment
 

กรุณาระบุอีเมล์ของท่าน
เพื่อรับข่าวสารจากเรา







search

Training and Seminar

Articles
ตอนที่ 2 "ให้แล้ว... ไม่เคยได้คืน จะให้อีกทำไม?" จากบทความชุด“ชีวิตที่ดี กับ งานที่สำเร็จ” Share
By คม สุวรรณพิมล Master Trainer of Coach for Goal
Published Date 3 ตุลาคม 2551

ตอนที่ 2 "ให้แล้ว... ไม่เคยได้คืน จะให้อีกทำไม?"
จากบทความชุด “ชีวิตที่ดี กับ งานที่สำเร็จ”

โดย คม สุวรรณพิมล
- Upper Knowledge Executive Coach
- ที่ปรึกษาด้านการบริหารและผู้ฝึกอบรมด้านการพัฒนาตนเองให้แก่องค์กรต่างๆเป็นจำนวนมาก
- เป็นผู้ริเริ่มและร่วมพัฒนาหลักสูตร Coach! For Goal ซึ่งเป็นหลักสูตรในด้านการพัฒนาตนเองที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และในปัจจุบันคุณคมยังเป็น Master Trainer of Coach for Goal

“การให้  จะนำเราสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
    หลายคนยึดหลักการนี้นำพาชีวิตตนเอง บางคนเป็นคนช่วยเหลือคนอื่นที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าใครจะเดือนร้อนอะไรมา ถ้าเขาพอช่วยได้ เขาคนนั้น ก็ไม่รีรอที่จะช่วยเหลือ
    บางคนช่วยด้านการเงิน บางคนช่วยด้านกำลังใจ บางคนช่วยด้านคำแนะนำ และด้านอื่นๆอีกมากมายที่พอที่คนๆหนึ่งจะให้ความช่วยเหลือได้
    แต่ผลลัพท์ที่ได้กลับมาคือ “ความว่างเปล่า”
    ไม่มีใครเห็นความดี ไม่มีใครกลับมาช่วยเหลือเขายามเขาลำบาก ไม่มีใครสนใจยามเขาต้องการกำลังใจ 
หรือว่าหลักการนี้มันผิด? เราไม่ควรจะใช้หลักการนี้ในการดำเนินชีวิตอีกแล้ว เพราะมันมีแต่เสีย ไม่เห็นได้อะไรดีๆ กับตัวเองเลย?
    “เลิกดีกว่า” กลับมาเป็นตัวของตัวเอง ไม่สนใจใคร ไม่ต้องช่วยเหลือใครดีกว่า ไม่เดือดร้อนตัวเองด้วย

ใครหลายคน เริ่มที่จะคิดแบบนี้ !  แต่สรุปแล้วเราควรจะทำตัวอย่างไรดี?
    ก่อนอื่น เราต้องมาตีความการช่วยเหลือ หรือการให้ก่อน
    “การให้” มันน่าจะแบ่งแยกออกได้เป็น สามระดับ


ระดับแรก “การให้ในสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการ”
    ระดับนี้เป็น การให้ในสิ่งที่ตนเอง คิดว่าหมดคุณค่ากับตัวเองแล้ว เป็นพื้นฐานของการให้ หรืออาจเรียกว่า เป็นการให้สำหรับผู้ที่เริ่มต้นจะให้ เช่น การบริจาคสิ่งของเหลือใช้  

ส่วนในอีกระดับหนึ่ง “การให้ในสิ่งที่ตนเองยังใช้อยู่” ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่เรายังใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ก็แบ่งปันให้คนอื่นใช้บ้าง

ส่วนประเภทสุดท้าย “การให้ในแบบการเสียสละ” การให้ประเภทนี้เป็นการยอมเสียความสุขส่วนหนึ่งในชีวิตของตนเอง เพื่อทำให้ผู้อื่นมีความสุข 

    ซึ่งการให้ทั้งสามประเภทนี้ มีดีกรีของความพยายามที่แตกต่างกัน และผลลัพท์ของมันยอมมีความแตกต่าง เช่นเดียวกัน
  
การให้ แน่นอนสิ่งที่เราจะได้รับโดยทันที คือ “ ความสุข” เมื่อเราให้ ผู้ให้ยอมมีความสุข และเมื่อคุณสร้างความสุขให้กับผู้อื่นเท่าใด  คุณจะได้รับความสุขกลับมาในปริมาณที่มากกว่าเป็นสองเท่าเสมอ
แต่เมื่อกล่าวถึงการให้ คุณเคยนึกถึงหรือไม่ ว่าคุณให้คนอื่นในระดับไหน? ความสุขที่คนอื่นได้รับอยู่ในระดับไหน? และที่สำคัญ คุณคิดถึงผลลัพท์อย่างไร เมื่อคุณต้องให้?

คุณคิดถึง “คนอื่นก่อน”  หรือ คิดถึง “ตนเองก่อน” เมื่อคุณต้องให้?
    คุณลองคิดและตอบคำถามเหล่านี้เอง ถ้าคุณคิดถึง “คนอื่นก่อน” แสดงว่าคุณจัดว่าเป็นผู้ให้ที่แท้จริง และไม่หวังผลใดๆตอบแทน ต่อให้คุรช่วยคนอื่นๆ อีก สิบคน ร้อยคน คุณก็ไม่ปริปากถามถึงผลลัพท์ที่ตนเองจะได้ นอกการชื่มชมถึงผลของความสำเร็จที่คุณหยิบยื่นให้คนอื่น  
    ถ้าคุณคิดถึง “ตนเองก่อนให้”  แสดงว่า คุณยังไม่ได้เป็นผู้ให้ที่แท้จริง และเมื่อคุณให้แล้ว สิ่งที่คุณหวัง ก็คือ ผลลัพท์ที่ “กลับมาถึงตนเอง” ถ้าใครคิดอย่างนี้อยู่แสดงว่า คุณยังไม่ถึงแก่นของความให้ แล้วสิ่งนี้แหละ ที่ทำให้เกิดคำถามข้างต้นที่ว่า จะให้อีกทำไม ในเมื่อสิ่งที่ให้ไม่เคยได้รับกลับคืน?

    ถ้า “หวัง” จากการให้         จะ “ไม่ได้รับ” อะไรเลย
    ถ้า “ไม่หวัง” จากการให้    จะ “ได้รับ”  อะไรบางอย่างที่ “ไม่ได้หวัง”
   
   
ไม่มีใครตอบได้หรอกครับว่า สิ่งที่คุณจะได้รับในอนาคตนั้นคืออะไร แต่คุณได้รับความสุขในเบื้องต้น ก็น่าเพียงพอแล้วที่คุณยังคงที่จะเป็นผู้ให้อยู่ เพราะว่า

“การให้ คือ เครื่องการันตีความสำเร็จในระยะยาว”




line